Cute Orange Cloud

บทที่13

บทที่ 13

บทที่ 13
การเขียนและนำเสนอระบบงาน

1.การทบทวน
   แผนงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบจะต้องมีการทบทวนก่อนที่จะดำเนินการต่อไป การทบทวน แผน
งานเป็นการทบทวนข้อมูลในการพัฒนาระบบ โดยตรวจสอบว่าการพัฒนาระบบมีความครบถ้วนตามความ
ต้องการของผู้ใช้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ระบบงายและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ เช่น การ
กำหนดปัญหาที่ครบถ้วน การเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม สภาพแวดล้อม

1.1 ภาพรวมของการทบทวนแผนงาน
      การทบทวน(Verification)แผนงานเป็นการทบทวนข้อมูลในการพัฒนาระบบ โดยตรวจสอบว่าการ
พัฒนาระบบมีความครบถ้วนตามความต้องการของผู้ใช้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ระบบงาน และ การ
กำหนดปัญหาที่ครบถ้วน การเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมรองรับระบบที่นำมา
ใช้งาน
*ผู้ที่ทำหน้าที่ทบทวน
  ผู้ที่เกี่ยวข้อหลายๆ ฝ่ายต้องร่วมกันตรวจสอบแผนงานโดยมีการนัดประชุมกันยังเป็นทางการ เช่น 
วิเคราะห์ระบบ ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบ กลุ่มผู้ใช้ระบบ ผู้ควบคุมมาตราฐานด้านเทคนิคระบบ
สารสนเทศในองค์กร

1.2 ช่วงเวลาที่มีการทบทวน
      การทบทวนแผนงานไม่ได้ทีเฉพาะในขั้นตอนหลังแต่ละของกิจกรรมการพัฒนาระบบด้วย ทั้งระหว่าง
การพัฒนาระบบและหลักการใช้งานในระบบ

2.การนำเสนอ
การเขียนและนำเสนอระบบเพื่อขออนุมัติโครงการหรือการยืนยันการพัฒนาระบบนั้นดำเนินตามขั้นตอน

2.1 ทบทวนการวิเคราะห์ระบบ
- การทบทวนระบบงานปัจจุบัน
   ตรวจสอบว่าการศึกษาระบบงานนั้นครบถ้วยหรือไม่เช่นองค์ประกอบระบบ กระบวนการ ต่างๆในระบบ
- การกำหนดความต้องการใหม่
  การรวบรวมข้อเท็จจริงทำได้ครบถ้วนหรือไม่ การทำความเข้าใจกับปัญหาและการวิเคราะห์ความ
  ต้องการทำได้ถูกต้องครบถ้วน
- การออกแบบระบบใหม่
  การออกแบบสอดคล้องกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของระบบ แนวทางดำเนินการหรือวิธีที่ใช้ใน
  พัฒนาระบบตามแนวทางแก้ปัญหาที่กำหนดไว้

2.2 กำหนดเนื้อหาการนำเสนอที่เหมาะสม
      สิ่งที่นำเสนอนั้นควรมีการแบ่งเรื่องตามกลุ่มโดยกำหนดกลุ่มบุคคลสำคัญต่อการพัฒนาระบบ
2.2.1 ผู้บริหาร
         โดยทั่วไปแล้วผู้บริหารจะให้ความสำคัญในด้านเกี่ยวกับการจัดการ การนำเสนอจึงเน้นไปที่แนวคิด
ในการแก้ไขปัญหาและแนวคิดดำเนินการพัฒนาระบบซึ้งมีรายละเอียด มีข้อกำจัดอย่างไร
2.2.2 เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน
         เป็นผู้ใช้งานระบบเป็นหลัก การนำเสนอจึงเน้นไปทีระบบงานตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ เช่น นำเสนอ
การออกแบบหน้าจอระบบงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน การทำงานได้สะดวกรวดเร็วให้ผลลัพธ์การทำงานที่
ถูกต้องในรูปแบบที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นในการทำงาน สามารถเรียนรู้การทำงานกับระบบได้

3.วิธีการเขียนรายงานนำเสนอระบบ
    หลังจสกที่ได้กำหนดปัญหาและความเป็นไปได้แล้ว ต้องจัดทำเป็นรายงานนำเสนอระบบหรือเอกสาร
แผนงานโครงการพัฒนาระบบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอระบบและขอการยืนยันในการดำเนินการ
พัฒนาผู้มีอำนาจตัดสินใจ เช่นผู้บริหารองค์กร คณะดำเนินโครงการ ตามที่ได้ศึกษาในหัวข้อที่ผ่านมา

3.1 ส่วนประกอบทั่วไปของรายงานวิเคราะห์ระบบ
      - การอธิบายการทำงานของระบบ
      - การอธิบายปัญหาภายในระบบ
      - ความต้องการของระบบ และสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการ

3.2 ส่วนประกอบรายงานนำเสนอแผนพัฒนาระบบ
      โดยหลักแล้ว รายงานจะแสดงเค้าโครงของโครงการพัฒนาระบบ โดยแสดงส่วนประกอบข้อมูล
ทั้ง 3 ส่วนตามที่กล่าวไว้ดังนี้
   * บทหน้า
      สำหรับส่วนของบทนำจะประกอบด้วย
      1. ภาพรวมโครงการ
1) วัตถุประสงค์โครงการ
2) ขอบเขตโครงการ
3) ความเป็นไปได้ของโครงการ
4) เหตุผลสนับสนุนว่าควรดำเนินงานตามโครงการ
5) ทรัพยากรที่ต้องใช้
6) ตารางเวลาดำเนินการ
7) สภาพแวดล้อมที่จะนำระบบมาใช้
8) ข้อจำกัดที่ส่งผลกระทบต่อโครงการ
     2. คำแนะนำ
        ควรมีข้อมูลเสนอแนะสำหรับการดำเนินกิจกรรมต่างในแต่ละชั้นตอนของการพัฒนาระบบ ซึ่งข้อ
เสนอแนะนี้อาจมาจากประสบการณ์ การพัฒนาระบบที่ผ่านมา หรือการพบข้อเท็จจริงขณะศึกษา
ระบบงาน
* คำอธิบายการพัฒนาระบบ
คำอธิบายการพัฒนาระบบจะแสดงแนวทางการพัฒนาระบบงาน ประกอบด้วย
    1.ทางเลือกในการแก้ไขปัญหา
       ให้เสนอรายการตัวโครงแบบ (Configuration) ต่างๆ ของระบบที่จะใช้เป็นทางเลือกในการแก้ไข
ปัญหาที่มีคำอธิบายโดยสรุปสำหรับแต่ละตัวโครงแบบ และเสนอตัวเลือกที่ควรใช้พร้อม เหตุผลโดยสรุป
โครงแบบต่างๆ ที่นำมาเป็นตัวเลือกขึ้นอยู่ทางเทคโนโลยีสภาพแวดล้อมของระบบ
   2.อธิบายโครงแบบที่เลือก
      ต้องมีคำอธิบายและคำพรรณนาการเสนอให้เห็นภาพในแต่ละจุดการทำงานกับข้อมูลที่เข้ามาและ
ผลลัพธ์ทางสารสนเทศที่ได้
*ผลการประเมินความเป็นไปได้
*แนวทางการบริหารจัดการ
  ให้ระบุว่าแนวทางการบริหารโครงการประกอบด้วย โครงสร้างการบริการจัดการทีมงานพัฒนาระบบ
แผนการสื่อสารความเข้าใจ ข้อกำหนดด้านมาตรฐานการทำงานและกระบวนการโครงการพัฒนา

 4. การนำเสนอโครงแบบการพัฒนาระบบ
     ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงการพัฒนาส่วนติดต่อผู้ใช้ทั้งส่วนการนำข้อมูลเข้า และส่วนการแสดงข้อมูลออก

4.1การออกแบบส่วนนำข้อมูลเข้า
     การออกแบบส่วนนำข้อมูลเข้า ผู้ออกแบบระบบจะต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม และดีที่สุดโดยพิจารณา
จากเครื่องมือที่เป็นอุปกรณ์นำข้อมูลเข้าระบบ
     การออกแบบส่วนข้อมูลเข้า ไม่เพียงแต่การทำให้การนำข้อมูลเข้าไปมีความสอดคล้องกับข้อมูลหรือ
สารสนเทศที่ต้องการให้แสดงออกเป็นผลลัพธ์เท่านั้น แต่การออกแบบต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
และลักษณะการทำงานของมัน มีข้อพิจารณาการออกแบบ

4.2 การแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน
      การออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานเป็นการออกแบบส่วนที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงกันโดยมากแล้วจะ
เกี่ยวกับหน้าจอภาพเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับระบบความต้องการ มีประเด็นสำคัญที่ต้องนำ
มาพิจารณา
4.2.1 วัตถุประสงค์การออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน
      1.วัตถุประสงค์ทั่วไป
         โดยคือออกแบบเพื่อให้เป็นส่วนในการประสานงานการใช้งานระหว่างผู้ใช้งานระบบกับตัวระบบเอง
         ไม่ว่าจะโดยวิธีใด ที่ทำให้ระบบสามารถดำเนินตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในระบบได้
      2.วัตถุประสงค์ในเชิงเทคนิคของการออกแบบระบบ
         วัตถุประสงค์ของการออกแบบคือ เพื่อใช้เป็นส่วนประสานงานใช้งานระหว่างผู้ใช้งานจะเห็นว่าการ
         บรรลุวัตถุประสงค์ในการออกแบบต้องอาศัยแนวคิดทางจิตวิทยาจึงทำให้มนุษย์ที่มีความรู้สึก
         นึกคิดและมีความจำกัดทางกายสามารถทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนเครื่องจักรไร้
         ความคิดแต่ทำงานที่มีความซับซ้อนให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ถูกต้องในเวลาอันสั้นนี้
4.2.2 ลักษณะการติดต่อผู้ใช้
         การออกแบบเชิงกายภาพให้กับส่วนต่างๆ ในระบบงาน จะขึ้นอยู่กับลักษณะการติดต่อกับผู้ใช้ 
โดยทั่วไปแล้วแบ่งลักษณะการติดต่อเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
     1.ติดต่อด้วยตัวอักขระ (Text Mode)
        การทำงานจะใช้ตัวอักขระเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร การสั่งงานให้ระบบทำงานจึงเป็นการพิมพ์คำ
สั่งจากคีย์บอร์ดเป็นหลัก และผลลัพธิ์ที่ได้ก็จะเป็นข้อความให้อ่านบนหน้าจอหรือพิมพ์ข้อความออกทาง
เครื่องพิมพ์ ดังนี้น ผู้ใช้งานต้องจดจำคำสั่งต่างๆ และอาจต้องจำรหัสที่ใช้ในการตีความผลลัพธ์จากการ
ทำงาน ปัจจุบันการทำงานในลักษณะนี้มีให้เห็นบ้าง เช่น โปรแกรมรุ่นเก่าบ้างโปรแกรมที่ยังสามารถ
ทำงานได้ในปัจจุบัน

4.3 การออกแบฐานข้อมูล
      การทำงานของระบบการออกแบบไม่ใช่เพียงการนำเสนอเเล้วให้ผลลัพธ์การออกแบบวิธีโดยให้กับ
การสอดคล้องดั้งนั้นจึงต้องออกแบบฐานข้อมูลของในระบบ
4.3.1 วัตถุประสงค์การออกแบบฐานข้อมูล
         จุดประสงค์ของการออกแบบฐานข้อมูลคือการออกแบบวิธีการวิเคราะห์ จำลองข้อมูล

 5.การนำเสนอแผนงานพัฒนาระบบ
    หลังจากที่ศึกษาทำความเข้าใจระบบงานแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการออกแบบระบบใหม่ให้
เรียบร้อยและนำระบบที่ออกแบบนั้นมาใช้งานโดยพัฒนาให้เป็นระบบใหม่ขึ้นก่อนที่จำกำเนินการตาม
แผนงานพัฒนาระบบ

5.1 การวางแผนนำระบบไปใช้และติดตั้ง
      การนำเสนอนี้ประกอบด้วยวิธีการพัฒนาระบบและแนวทางการสร้างให้เป็นระบบขึ้นมา หรือกล่าวอีก
นัยหนึ่งก็คือ เลือกที่จะสร้างโปรแกรมตามที่ออกแบบไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยุทธวิธีการออกแบบที่เลือกไว้ให้
เหมาะสมกับสภาพองค์กรปละจะมีแนวทางเริ่มต้นใหม่
5.1.1 การสร้างโปรแกรมใหม่
         โดยทั่วไปแล้ว การวางแผนสำหรับการออกแบบและพัฒนาระบบโปรแกรมนั้นจะมีขั้นตอนการทำ
งานคล้ายๆกับวงจรการพัฒนาระบบ เพียงแต่การออกแบบและพัฒนสโปรแกรมจะเน้นการทำงานด้าน
เทคนิคเป็นหลักการสร้างโปรแกรมขึ้นมา การสร้างโปรแกรมนี้เป็นการดำเนินการโดยโปรแกรมเมอร์หรือ
อาจมีนักวิเคราะห์ระบบร่วมด้วยขั้นตอนของการออกแบบและพัฒนาระบบ 
*การศึกษาปัญหา
ในแง่ของการสร้างโปรแกรม การศึกษาปัญหาก็คือการศึกษาปัญหาความต้องการของตัวโปรแกรมว่าจะ
ให้โปรแกรมทำอะไรและใหผลลัพธ์อะไรอกมา ซึ้งสามารถศึกษาได้จากเอกสารการวิเคราะห์และ
ออกแบบระบบในระยะต่างๆของวงจรการพัฒนาระบบที่ผ่านมารวมทั้งการสอบถามเพิ่มเติมจากนัก
วิเคราะห์ระบบ
*การออกแบบโปรแกรม หลังจากที่ทราบความต้องการตัวโปรแกรมแล้ว โปรแกรมเมอร์จะออกแบบทาง
เทคนิครายละเอียดการทำงานปลีกย่อย หรือออกแบบอัลกอริธึมโปรแกรม สำหรับการแก้ไขปัญหาหรือ
การทำงานตามที่ต้องการที่ต้องการโปรแกรม มีการเครื่องมือช่วยมนการออกแบบเช่น การเขียนแผนผัง
*เขียนโปรแกรม ขั้นตอนนี้เป็นการเขียนโปรแกรมตามอัลกอริธึมที่ออกแบบไว้โดยเลือกใช้ภาษาหรือ
เครื่องมือสำหรับการออกแบบโปรแกรมตามที่กำหนดไว้
*ทดสอบโปรแกรม เมื่อสร้างโปรแกรมเสร็จแล้วจะต้องทดสอบความถูกต้องในการทำงานของโปรแกรม
โดยตรวจว่ามีความผิดพลาดของไวยากรณ์ ในการเขียนโปรแกรมหรือไม่มีความผิดพลาดในการทำงาน
ได้ทันที
*การจัดทำเอกสารประกอบโปรแกรม การจัดทำเอกสารมี 2 ประเภทได้แก่คู่มือการใช้งานโปรแกรม
สำหรับผู้ใช้งานและเอกสารประกอบการพัฒนาโปรแกรมสำหรับโปรแกรมเมอร์ในการปรับปรุงแก้ไข
โปรแกรมในอนาคต
*การบำรุงรักษาโปรแกรม เป็นขั้นตอนที่ทำให้โปรมแกรมสามารถใช้งานได้โดยไม่ติดขัดเช่น การแก้ไข
ข้อบกพร่องที่อาจพบขณะใช้งาน การปรับปรุงตามความต้องการที่เปลี่ยนไปตามเวลาการจัดเก็บโค้ด
ของโปรแกรม ไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลที่เหมาะสม
5.1.2 การประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป
         การวางแผนสำหรับการเลือกซื่อซอฟต์แวร์ที่มีการทำงานตรงกับข้อกำหนดความต้องการที่ได้จาก
การวิเคราะห์และออกแบบระบบจะเกี่ยวข้องกับงานด้านการประยุกต์ใช้ใน 3 ลักษณะ
        1.การปรับแต่งการทำงาน
*การกำหนดค่าการทำงาน
*การดัดแปลงการทำงาน
- การเสียงต่อการเสียหายตัวต่อของโปรแกรม เพราะผูแก้ไขอาจจะไม่ทราบรายละเอียดของการทำงาน
  ทั้งหมดของโปรแกรม
- ผู้จำหน่าวอาจปฏิเสธความรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากการใช้โปรแกรม หรือยกเลิกการรับ
  ประกันหรือหยุดการช่วยเหลือสนับสนุน
- การดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์อาจเข้าข้ายการละเทิดทรัพย์สินทางปัญญา
       2.การรวมซอฟต์แวร์เฉพาะด้านแต่ละโปรแกรมให้ทำงานร่วมกัน การเลือดใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปอาจ
มีลักษณะการใช้งานที่แยกส่วนตามลักษณะงาน แต่ว่าแต่ละส่วนอาจมีความต้องการใช้ข้อมูลบางอย่าง
ร่วมกัน จึงมีแนวคิดในการทำให้โปรแกรมสามารถใช้งานข้อมูลร่วมกันได้
       3.การยกระดับ
การยกระดับเป็นการปรับปรุงซอฟต์แวร์ทั้งในด้านการแก้ไขบกพร่องเดิมและด้านการผนวกความสามารถ
ใหม่ให้กับซอฟต์แวร์ที่ได้ตอดตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อในระบบมีความทันสมัยอยู่เสมอโดยทั่วไปผู้ผลิต
ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจะมีบริการนี้และมีค่าใช้จ่ายที่ตำเมื่อเทียบกับราคาตอนที่จัดซื้อครั้งแรก
5.1.3 การเลือกแนวทางพัฒนาระบบ
         แนวทางพัฒนาขึ้นมานั้นมีอยู่ 4 วิธีด้วยกัน การเลือกใช้แต่ละวิธีการลือก และมีค่าใช้จ่ายที่ทำเมื่อ
เปรียบเทียบกับราคาตอนที่จัดซื้อครั้งแรก
    1.แบบเฉพาะเจาะจง
       - เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
       - เหมาะสำหรับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่คงที
       - การทำงานของแต่ละคนมีความอิสระต่อกัน อาจทำให้เกิดการทำงานของข้อมูลที่ซ้ำซ้อน
       - เหมาะที่จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปขนาดเล็ก
    2.แบบฐานข้อมูล
*มุ่งเน้นการพัฒนาฐานข้อมูลนั้นคือเน้นการออกแบบการจัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก
*มีเป้าหมายในการนำข้อมูลมาใช้ในอนาคตหรือการพัฒนาระบบต่อในอนาคต
    3.แบบล่างขึ้นข้างบน
       - เน้นการพัฒนาระบบย่อยๆก่อนแล้วค่อยร่วมกันเป็นระบบใหญ่
       - อาจต้องใช้เวลาในการปรับแต่งแก้แต่ละระบบให้ทำงานเข้ากันได้
    4.แบบบนข้างล่าง
*เน้นการมองภาพรวมของระบบทั้งหมดก่อนแล้วค่อยกระจ่ายเป็นระบบย่อยๆ
*หลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนของระบบย่อยหรือความสับสนในการทำงารระบบย่อย
*การวิเคราะห์และออกแบบระบบต้องมีความแม่นยำและชัดเจน

5.2การวางแผนเบื้องต้นในการติดตั้งระบบ
     หลังจากที่การออกแบบระบบใหม่ถูกนำมาใช้โดยสร้างเป็นตัวระบบแล้วผ่านการทดสอบแล้วตามหลัง
การที่จะกล่าวในบทที่ 14 ขั้นตอนต่อมาก็คือนำตัวระบบมาติดตั้งใช้งานและการติดตั้งระบบใหม่นี้ถือเป็น
จุดเปลี่ยนกิจกรรมต่างๆในระบบการทำงานขององค์กรเลยทีเดียว เพราะต้องนะทิ้งการงานระบบเก่าโดย
ปริยาย การวางแผนการติดตั้ง
5.2.1 การเลือกกลยุทธ์การติดตั้งที่เหมาะสม
      1. การติดตั้งระบบใหม่แทนที่ระบบปัจจุบันทันที (Direct lnstallation) การติดตั้งวิธีนี้จะยกเลิกระบบ
ปัจจุบันทั้งหมดและใช้ระบบใหม่ทั้งหมดทันที
      1)ลักษณะเด่น
         การดำเนินการติดตั้งระบบต้องทำให้เสร็จทีเดียวทั้งหมด
         ระยะเวลาการติดตั้งให้เสร็จขึ้นกับขนาดของระบบ
         เหมาะสมสำหรับในกรณีระบบปัจจุบันไม่สามารถใช้งานได้
 ข้อดี
* วางแผนการติดตั้งระบบได้ง่าย
* เกิดสถานการ์ณบังคับให้ระบบใหม่ต้องถูกใช้งาน
* ค่าใช้จ่ายต่ำและใช้เวลาน้อยที่สัดเมื่อเทียบกับกลยุทธ์อื่น
ข้อเสีย
        มีความเสี่ยงสูงจากข้อผิดพลาดที่ไม่สามารถคาดการ์ณ์ไว้ก่อนได้ผู้ใช้งานต้องปรับตัวสูงใน
ช่วงแรกของการใช้งานระบบใหม่ หรืออาจเกิดความสับสนสูง
5.2.2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
         การติดตั้งระบบใหม่ ต้องมีการวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในสิ่งเหล่านี้คือ
1.อุปกรณ์ในระบบใหม่ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย อุปกรณ์นำข้อมุลเข้าต่างๆ
2.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น แบบฟอร์มเอกสารและรายงานต่างๆ
3.สภาพการทำงาน เช่น ลักษณะของหน้าจอโปรแกรมที่ใช้งาน วิธีการใช้โปรแกรม
5.2.3 การถ่ายโอนข้อมูล(Data Migration)
         ไม่ว่าจะเลือกกลยุทธ์ในการติดตั้งระบบใด แต่ข้อมูลในระบบยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานในระบบ
จึงต้องทีแผนในการถ่ายโอนข้อมูล
        1.ลักษณะถ่ายโอน
           การถ่ายโอนข้อมูลมีหลายลักษณะที่ต้องดำเนินการ
- เอาข้อมูลจากระบบเดิมทั้งหมดมาอยู่ในระบบใหม่ การถ่ายโอนในลักษณะนี้ทำได้ง่าย แต่โครงสร้าง
  ข้อมูลในระบบฐานข้อมูลใหม่ต้องรองรับโครงสร้างข้อมูลเดิม
- สรุปข้อมูลในระบบเดิมทั้งหมดมาเป็นค่าตั้งต้นหรืออ้างอิงในระบบใหม่ การถ่ายโอนในลักษณะนี้จะ
  เป็นการนำค่าสรุปจากระบบฐานข้อมูลเดิมในรูปแบบของ "ยกยอดมา"มาใช้ในระบบฐานข้อมูลใหม่ โดย
  ใช้เป็นค่าตั้งต้นในการคำนวณหรือเปรียบเทียบกับข้อมูลใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมาเมื่อมีการใช้งานระบบใหม่
- ยกเลิกข้อมูลในระบบเดิมทั้งหมด
   ในบางกรณีอาจจะต้องยอมยกเลิกการใช้งานข้อมูลบางส่วนในระบบใหม่ซึ่งอาจเป็นผลสรุปมาจากการ
   วิเคราะห์ระบบว่าไม่มีความจำเป็น ระบบใหม่ไม่รองรับวิธีการเก็บข้อมูลตามที่ออกแบบไว้ในระบบเก่า
      2.ขั้นตอนการถ่ายโอน
         การถ่ายโอนข้อมูลมี 2 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
         1) แปลงสภาพข้อมูล (Data Convesion)
     การแปลงสภาพข้อมูลเป็นการเตรียมข้อมูลก่อนโอนเข้าระบบใหม่ โดยนำข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลของระบบงานเก่ามาดัดแปลงให้อยู่ในลักษะที่พร้อม ก่อนที่จะโอนเข้ามาในระบบการแปลงสภาพมี
2 ด้านใหญ่ๆคือ
     ก. ชนิดข้อมูล (Data Type)
         บางครั้งอาจจะมีความจำเป็นต้องแปลงชนิดของข้อมูล ตัวอย่างเช่น ข้อมูลบางอย่างในหากไม่
         แปลงให้เป็นชนิดเดียวกันก่อน ก็อาจจะเกิดปัญหาขณะโอนข้อมูลได้
     ข. ค่าจองข้อมูลตามลักษณะการถ่ายโอน
         บางครั้งการถ่ายโอนข้อมูลมีความจำเป็นต้องแปลงสภาพค่าแต่ยังคงสภาพความน่าเขื่อถือเดิม
         กล่าวคือ หากเลือกลักษณะการถ่ายโอนแบบสรุปค่า ก็ต้องประมวลข้อมูลมั่นใจว่าข้อมูลที่มีสามารถ
         โอนมาใช้งานในระบบใหม่ได้ทั้งหมด เช่น ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ระบบมีแค่ 7 หลัก แต่ในระบบ
         ใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 9 หลัก ก็จะต้องประมวลให้ได้หมายเลขโทรศัพท์มีจำนวนหลักเพิ่มขึ้นมา
         ก่อนที่จะโอนข้อมูล
        2)โอนข้อมูล (Data Transfer)
           หลังจากการเตรียมข้อมูลเสร็จแล้ว ให้โอนข้อมูลเข้าไปในระบบฐานใหม่ โดยอาจจะใช้เครื่องมือ
ที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลอยู่แล้ว หรืออาจจะเขียนโปรมแกรมขนาดเล็กในเวลาาอันสั้นเพื่อใช้สำหรับ
การโอนข้อมูล

สรุปท้ายบทที่ 13
       ในการพัฒนาระบบจะต้องมีการจัดทำเอกสารแผนงานการดำเนินการพัฒนาระบบ เพื่อเสนอต่อผู้มี
อำนาจในการตัดสินใจเพื่อนำระบบนั้นมาใช้เอกสารนี้จำเป็นรายงานการวิเคราะห์ระบบ ซึ่งประกอบด้วย 
การอธิบายการทำงานของระบบ การอธิบายปัญหาภายในระบบและสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไป
ตามความต้องการของหน่ายงสนหรือองค์กรนั้นๆ และแผนงานนี้จะต้องนำเสนอแผนงานในการติดตั้
หรือนำระบบไปใช้ด้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น