Cute Orange Cloud

บทที่5

บทที่ 5

บทที่ 5
การศึกษาความเป็นไปได้

1. ความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์
    โดยทั่วไปพิจารณาจากผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ใช้ในการพัฒนาระบบ  และระบบนี้
ต้องใช้ระบบไปนานเท่าไรจึงจะคุ้มทุน โดยมีข้อพิจารณาดังนี้
การพิจารณาผลตอบแทน(Benefit)
      ผลตอบแทนนั้นแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- ผลตอบแทนที่จับต้องได้  คือ ผลตอบแทนที่สามารถประเมินค่า หรือวัดออกมาเป็นตัวเงินได้
- ผลตอบแทนที่จับต้องไม่ได้  คือ ผลตอบแทนที่ยากต่อการประเมินค่า หรือวัดออกมาเป็นตัวเงิน
การพิจารณาด้านต้นทุน (Cost)
      การพัฒนาระบบเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในตอนเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมีรูปแบบ
ต่างๆ และค่าใช้จ่ายหลายอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อเริ่มใช้งานระบบที่พัฒนาขึ้นมา
- ประเภทต้นทุน
   ต้นทุนที่จับต้องได้  คือ ต้นทุนที่สามารถประเมินค่าหรือวัดออกมาเป็นเงินได้
   ต้นทุนที่จับต้องไม่ได้  คือ  ต้นทุนที่ยากต่อการประเมินค่าหรือวัดออกมาเป็นมูลค่าหรือวัดออกมาเป็น
   ตัวเงิน
- ลักษณะในการใช้จ่ายการต้นทุน
  ต้นทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียว  คือ  เป็นค่าใช้จ่ายใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว อาจเกิดขึ้นขณะเริ่มต้นโครงการ
  พัฒนาระบบ หรือเกิดขึ้นใช้งานระบบใหม่
  ต้นทุนที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า คือ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตลอดการพัฒนาระบบหรือขณะใช้งานระบบ
- ปริมาณต้นทุน
  ต้นทุนคงที่ 
คือ เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามการใช้งาน เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าสำนักงาน ค่าเช่า
อุปกรณ์สำนักงาน
   ต้นทุนแปรผัน
คือ เป็นค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปตามการใช้งานจริง เช่น ค่าบริการด้านสาธารณูปโภค ค่าวัตถุสิ้น
เปลืองต่างๆ ค่าเดินทาง

2.  ความเป็นไปได้ทางเทคนิค
     เป็นการประเมินความเสี่ยงที่มาจากความสามารถของผู้พัฒนาระบบในการทำความเข้าใจกับระบบ
งานความสามารถของเทคโนโลยี รวมทั้งต้องศึกษาว่าเมื่อติดตั้งระบบไปแล้วจะสามารถใช้ระบบได้ทันที
หรือไม่ ทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ ระหว่างที่ติดตั้งระบบใหม่ต้องหยุดงานเก่า หรือทำงานไปพร้อมๆ กันได้
หรือไม่

2.1 ขนาดของระบบงาน
      ลักษณะความเสี่ยง
      ระบบที่มีขนาดใหญ่ย่อมมีความเสี่ยงสูงมากกว่าระบบที่มีขนาดเล็ก  โดยเกณฑ์ที่ใช้วัดขนาดของ
ระบบนั้น ขึ้นกับมุมมองและประสบการณ์การทำงานของแต่ละบุคคล และปัจจัยเสี่ยงทีมาจากขนาดของ
ระบบงานจะสานสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนในการพัฒนาระบบโดยตรง
    สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
1. จำนวนบุคลากรในทีมงานพัฒนา
    หากจำนวนสมาชิกทำงานในทีมมีน้อยเกินไปก็จะมีเพิ่มความเสี่ยงที่โครงการพัฒนาจะไม่แล้วเสร็จ 
    แต่หากสมาชิกมากเกินไปก็อาจจะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการพัฒนาระบบได้
2. ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนา
    โครงการที่มีระบบใหญ่ย่อมมีรายละเอียดการพัฒนามากกว่าระบบขนาดเล็ก ดังนั้น โครงการขนาด
    ใหญ่จะใช้เวลามากกว่าโครงการขนาดเล็ก
3. องค์ประกอบหรือระบบย่อยของระบบงาน
    ระบบที่มีขนาดใหญ่ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สัมพันธ์กันมากกว่าระบบขนาดเล็ก ในภาคปฏิบัติแล้ว
    ระบบย่อยก็คือส่วนงานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรจะมีมากขึ้น
4. ระดับความเอาใจใส่ต่องาน
    การพัฒนารระบบขนาดใหญ่จึงต้องการความใส่ใจในการทำงานมากกว่าการพัฒนาระบบขนาดเล็ก
    เช่น จะต้องใช้ความเพียรพยายาม การลงแรง และความรอบคอบในงานทำงานที่มากกว่า

2.2 โครงสร้างของระบบงาน
      ลักษณะความเสี่ยง
      ข้อกำหนดเชิงความต้องการและโครงสร้างของระบบงานที่ซับซ้อน จะมีความเสี่ยงมากกว่าระบบที่
กำหนดความต้องการแบบง่ายๆ ในทำนองเดียวกัน ระบบที่มีความเป็นโครงสร้างสูง มีความเสี่ยงน้อยกว่า
ระบบที่ไม่มีโครงสร้าง
     สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง 
    โดยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงที่มาจากโครงสร้างของระบบงานคือ
1. แนวทางการพัฒนา
    1) การพัฒนาระบบใหม่  จะมีความเสี่ยงในการดำเนินการมากกว่าการพัฒนาระบบที่มีตัวอย่างการ
        พัฒนามาก่อนแล้ว โกาสที่การพัฒนาระบบจะไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดความต้องการนั้นจะมี
        มากกว่า
    2) การปรับปรุงระบบงานเดิม  จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าบางด้าน แต่ก็มีโอกาสรับผลของควมผิดพลาด
        ที่มาจากการพัฒนาระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว
2. ผลลัพธ์จากการพัฒนาระบบ
    การกำหนดโครงสร้างการพัฒนาระบบงานมักมีผลต่อการกำหนด หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานในองค์กร และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลใหเกิดกระแสต่อต้านการพัฒนาระบบจนไม่
สามารถดำเนินโครงการพัฒนาจนเสร็จสิ้นได้
 3. การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานระบบ
     ผู้ใช้งานระบบเป็นผู้ที่มีส่วนกำหนดความต้องการอย่างมาก หากระบบมีความซับซ้อนที่ต้องใช้เวลาใน
การรวบรวมความต้องการ ผู้ใช้จะยิ่งถูกรบกวนเวลาการทำงานทำงานปกติมากขึ้น แม้ผู้ใช้จะให้ความร่วม
มืออย่างดีในระยะแรกแต่ก็อาจจะกลายเป็นความเบื่อหน่ายแทนในในระยะเวลาต่อมาถ้าหากถูกรบกวน
จากผู้พัฒนาระบบมากเกินไป
4. การมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูง
    ยิ่งการพัฒนาระบบมีข้อกำหนดความต้องการมาก หรือระบบต้องสนับสนุนงานด้านบริหารมากหรืองาน
บริหารนั้นมีโครงสร้างที่ยากต่อการกำหนดลักษณะความต้องการที่ตายตัว ก็จะยิ่งต้องอาศัยการ
สนับสนุนจากผู้บริหารองค์กรมาก
5. ความครบถ้วนในการรวบรวมข้อมูล
    ระบบการทำงานที่ซับซ้อนต้องการรวบรวมข้อมูลสำหรับการพัฒนาที่ครบถ้วน หากการรวบรวมข้อมูล
ไม่ครบถ้วนก็จะทำให้ผลการทำงานไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนตามที่ต้องการ

2.3 ประสบการณ์ของผู้พัฒนาและการเลือกใช้เทคโนโลยี
      ลักษณะความเสี่ยง
      ผู้มีประสบการณ์ในงานพัฒนาระบบมาก หรือยิ่งมีประสบการณ์ด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ ย่อมสะสม
ประสบการณ์ทั้งด้านความสำเร็จและประสบการณ์ทั้งด้านความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความ
รอบคอบในการพัฒนาที่มากขึ้น
    สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
   1. ตัวระบบงานที่พัฒนา  หากผู้พัฒนามีความชำนาญ มีความรู้ความเข้าใจ หรือความคุ้นเคยกับระบบ
       งานที่มีลักษณะเดียวกับระบบงานที่กำลังพัฒนามาก่อน ความเสี่ยงในการพัฒนาระบบงานจะน้อยลง
   2. ประสบการณ์การทำงาน  นอกจากความรู้ทางทฤษฎีแล้ว ประสบการณ์การทำงานจริงหรือความ
       อาวุโสของอายุการทำงานที่มากจะช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาระบบลง
   3. การเลือกใช้เทคโนโลยีในระบบงาน  เทคโนโลยีเป็นมาตรฐานทั่วไปหรือมีการใช้งานอยู่ทั่วไป 
       มีความเสี่ยงน้อยกว่าการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เป็นมาตรฐานหรือเป็นเทคโนโลยีใหม่ี่ยังไม่เป็นที่แพร่
       หลายอย่างไรก็ตามในแง่การเลือกใช้เทคโนโลยีที่มาในรูปอุปกรณ์ต่างๆ ยังต้องเปรียบเทียบใน
       ประเด็นอื่นเพิ่มเติมอีก เพราะบางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องรับความเสี่ยงจากการเลือกใช้เทคโน
       โลยีที่ต่างมาตรฐานทั่วไป ซึ่งต้องอาศัยผู้มีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบในการตัดสินใจ

2.4 ประสบการณ์ของผู้ใช้และกรรมวิธีในระบบ
      ลักษณะของความเสี่ยง
      เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการทำงานที่ถูกต้อง การแจ้งปัญหาและความต้องการที่ตรง
ประเด็น ย่อมเกิดความเสี่ยงในการพัฒนาระบบที่น้อยกว่า
      สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
   1. ความเข้าใจในระบบการทำงาน  ผู้ใช้งานระบบปัจจุบันที่มีความเข้าใจอย่างดีสามารถมีส่วนร่วมใน
การพัฒนาระบบ โดยข้อมูลที่ถูกต้องตามที่ผู็พัฒนาต้องการ ความเสี่ยงในการพัฒนาระบบงานที่ผิด
พลาดก็จะน้อยลง
  2. ประสบการณ์การทำงานในระบบงาน  ผู้ใช้งานระบบปัจจุบันที่มีประสบการณ์การทำงานจริงมักจะ
ทราบปัญหาหรือหรือความต้องการที่แท้จริงจะช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาระบบลงได้
  3. ความเข้าใจที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการทำงาน  เช่น ผู็ใช้หรือผู้บริหารองค์กรเกิดความคาดหวังสูง
ต่อการพัฒนาระบบมากเกินจริง แต่เมื่อทราบภายหลังว่าการพัฒนาระบบไม่สามารถเป็นไปตามที่คาด
หวังก็อาจจะตัดสินใจระงับโครงการพัฒนาระบบกลางคันได้

3. ความเป็นไปได้อื่นในแง่ธุรกิจ

3.1 ความเป็นไปได้ด้านการปฏิบัติงาน
      ความเป็นไปได้ด้านการปฏิบัติงาน มี 2 ด้านหลักๆ คือ
   -  ด้านผลลัพธ์การทำงานระบบ
   -  ด้านผลกระทบต่อองค์กร

3.2 ความเป็นไปได้ด้านตารางเวลาการทำงาน
      เป็นการประเมินความสามรถในการพัฒนาระบบให้เสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่ หรือหาก
แม้ทำเสร็จแล้ว ระบบนั้นสามารถให้ผลการทำงานที่ครบถ้วนตามที่ต้องการหรือไม่

3.3 ความเป็นไปได้ตามกฏหมายและสัญญา
      ความเป็นไปได้ตามกฏหมายและสัญญา เป็นการประเมินความเสี่ยงการพัฒนาระบบที่มีกฏหมายมา
เกี่ยวข้องในหลายด้านและนักวิเคราะห์ระบบต้องทราบผลทางกฏหมายเมื่อมีการพัฒนาระบบ

3.4 ความเป็นไปได้ด้านการเมือง

     เป็นการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ การเมืองในที่นี้หมายถึงการเมืองภายในองค์กร นั่นคือ  นักวิเคราะห์ระบบต้องพิจารณาให้เห็นถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์และกลุ่มที่เสียประโยชน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น