บทที่ 15
บทที่ 15
การติดตั้งระบบและการทบทวนระบบงาน
1.การติดตั้งระบบ
การติดตั้งระบบเป็นขั้นตอนในระยะสุดท้ายของการพัฒนาระบบ ประกอบด้วยกิจกรรม 3 ด้านดังนี้
1.1 การดำเนินติดตั้งระบบตามแผนที่วางไว้
ให้ดำเนินการติดตั้งระบบใหม่ตามการวางแผนที่ได้นำเสนอไว้ตามรายละเอียดที่กล่าวไว้ในบทที่ 13
การติดตั้งนี้จะดำเนินการได้ที่หลังจากที่ได้ทดสอบระบบานและได้ดำเนินระบบคอมพิวเตอร์ ที่เรียบร้อย
แล้วตามรายละเอียดในบทที่ 14 โดยจะต้องจัดหาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ
1.2 การสนับสนุนระบบ
เนื่องจากระบบงานที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ที่มีการทำงานที่แตกต่างจากการทำงานในระบบเดิม ต้องมี
การเรียนรู้วิธีทำงานในระบบใหม่ จึงต้องมีการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ใช้งานให้สามารถทำงานกับระบบใหม่
ได้อย่างดีและความรู้สึกพึงพอใจต่อระบบใหม่
1.2.1 จัดทำเอกสารระบบ
ให้จัดทำเอกสารสำหรับการศึกษาทำความเข้าใจกับระบบใหม่ ได้แก่
1.เอกสารประกอบการพัฒนาระบบ
เอกสารประกอบการพัฒนาระบบสำหรับผู้รับผิดชอบงานด้านสารสนเทศขององค์กร ได้แก่
เอกสารด้านการวิเคราะห์และออกแบบระบบในระยะการพัฒนาต่างๆที่ผ่านมา เอกสารแสดง
โครงสร้างระะฐานข้อมูลและพจนานุกรมข้อมูล สำหรับการปรับปรุงแก้ไขระบบฝนอนาคต
2.เอกสารคู่มือการใช้งานระบบ
เอกสารคู่มือการใช้งาน ในการทบทวนในการเข้าใจ และอ้างอิงในการทำงานแบบระบบได้
อย่างดี คู่มือที่ต้องจัดการทำได้แก่
* คู่มือสำหรับการปฏิบัติการสำหรับดูแลรักษาระบบ
* คู่มือสำหรับการปฏิบัติการสำหรับผู้ใช้งานระบบทั่วไป
3.เอกสารประกอบการฝึกอบรม
ควรมีการจัดทำเอกสารสำหรับงานฝึกอบรมแยกออกมาต่างหาก เพราะการฝึกอบรมจะมีกิจกรรม
ที่แตกต่างจากการศึกษา ด้วยตัวเองผ่านคู่มือ เช่น การมีกรณีศึกษาอบรมจะมีกิจกรรมแตกต่างใช้
งานระบบนั้นไม่ได้เฉพาะตอนเริ่มใช้
- การจัดฝึกอบรม
ในบทที่ 14 ได้กล่าวถึงการอบรมเมื่อนำระบบมาใช้ การฝึกอบรมนั้นเป็นการสนับสนุนอย่างหนึ่งที่
จำเป็นต้องมีเพื่อให้ผู้ใช้ทำงานกับระบบใหม่อย่างราบรื่น
- การให้คำแนะนำขณะใช้งาน
การรับรองอบรมหรือการศึกษาจากคู่มือ มักเป็นการเรียนรู้การใช้งานในสภาพปกติ แต่ในการทำงาน
จริงจะมีลักษณะงานหรือพบปัญหาที่แตกต่างดังตัวอย่างที่กล่าวไว้ในหัวข้อที่ผ่านมา
1.3 บำรุงรักษา
การบำรุงรักษาระบบไม่ใช่เพียงแค่การรักษาสภาพเดิมให้คงทน แต่ความหมายจะรวมความไปถึง
แก้ไขข้อบกพร่องและการปรับปรุงความสามารถของระบบงานตามความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้
การบำรุงรักษายังเกี่ยวข้องกับการจัดสรร งบประมาณเพื่อการบำรุงรักษาด้วย ดังนั้นในกรณีที่เป็นการ
พัฒนาระบบโดยการว่าจ้างบุคคลนอก ขอบเขตการบำรุงรักษาจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างและ
ผู้รับจ้างด้วย แม้ว่าระบบใหม่จะถูกพัฒนาครบถ้วนตามข้อตกลงของข้อกำหนดสามารถใช้งานได้จริง
และหลายครั้งผู้ใช้ระบบเองก็มีส่วนเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหากับระบบ
1.3.1. ประเภทบำรุงรักษา 4 ลักษณะ
1.การแก้ไขข้อบกพร่อง
2.การดัดแปลง
3.การทำให้สมบูรณ์
4.การป้องกันปัญหา
1.3.2. ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบ
1.ความสามารถในการบำรุงรักษาของระบบ
ความสามารถในการบำรุงรักษาโปรแกรมจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำความเข้าใจการทำ
งานความยากง่ายในการแก้ไข ดัดแปลง ปรับปรุงโปรแกรม นั้นคือยิ่งยากเท่าไร ความสามารถใน
การบำรุงก็ยิ่งต่ำ ที่ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
2.จำนวนข้อบกพร่องที่ค้นพบภายหลัง
ทุกระบบต่างมีข้อจำกัดและข้อบกพร่องอาจมาจากการกำหนดความต้องการที่ไม่ครบถ้วน หรือ
อาจมาสร้างโปรแกรมที่ทำงานได้ไม่ครบตามความต้องการ
3.จำนวนผู้ใช้งานระบบ
เมื่อระบบมีผู้ใช้งานมากขึ้นก็จะเพิ่มดอกาศโอกาสในการพบบกพร่อง หรือเกิดความต้องการให้
ขยายระบบมีผู้ใช้งานมากขึ้นระบบเพื่อรับรองปริมาณการทำงานที่เพิ่มขึ้น
4.คุณภาพเอกสารประกอบการพัฒนา
คุณภาพเอกสารประกอบการพัฒนา ย่อมส่งผลต่อคุณภาพในการศึกษาทำความเข้าใจระบบงาน
และก็จะต้องใช้เวลาและบุคคกรมากขึ้นในการศึกษาทำความเข้าใจกับระบบ
2.การทบทวน
ควรมีกำหนดให้มีการทบทวนในแต่ละขั้นตอนหลักของแต่ละกิจกรรมการพัฒนาระบบและแม้ได้
ทบทวนระหว่างการพัฒนาระบบอย่างดีแล้ว เราควรมีการทบทวนระบบใหม่ถูกติดตั้งและมีการใช้งานอีก
ครั้งว่าแนวทางการพัฒนายังคงตรงกับข้อกำหนดการพัฒนาหรือไม่ เนื่องจากในภาคปฏิบัติแล้วเรามัก
พบข้อบกพร่องของระบบภายหลัง
เราอาจเกิดความคิดว่าทำไมเราต้องทบทวนระบบซ้ำอีก แต่จากหัวข้อที่ผ่านมาเราคงสังเกตว่าหลัง
จากการติดตั้งระบบแล้วยังต้องมีการบำรุงรักษาระบบโดยการแก้ไขปรับปรุงระบบด้วย ดังนั้นการทบทวน
ระบบจะช่วยให้เกิดความรอบคอบในการพัฒนาระบบมากขึ้นมีส่วนช่วยในการบำรุงรักษาระบบระยะยาว
2.1.การทวบทวนการพัฒนาสระบบงาน
สิ่งที่เราควรทบทวนระหว่างการพัฒนาระบบและหลังจากการพัฒนาระบบเสร็จแล้วได้แก่
1. ข้อกำหนดทางลักษณะจำเพราะของระบบ
2. การออกแบบทั้งเชิงตรรกะ
3. การเขียวโปรแกรม หรือการกำหนดค่าการทำงานให้กับซอฟต์แวร์
4. การทดสอบ ทบทวนขั้นตอนทดสอบและผลการทดสอบและผลการทดสอบนั้นมีการทำอย่าง
ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
5. การจัดทำเอกสารประกอบการพัฒนาระบบ เช่น คู่มือการใช้งาน พจนานุกรมข้อมูลเอกสาร แสดง
การบวนกระบวนการของระบบ โดยตรวจสอบว่าเอกสารที่มีคุณภาพหรือไม่
2.2.ประเมินผลและการปิดโครงการ
2.2.1.การประเมินผลการทำงาน
เมื่อติดตั้งระบบใหม่แล้วต้องมีการประเมินผลด้านต่างๆดังนี้
* ระบบว่าสามารถทำงานได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
* มีจุดบกพร่องอะไรที่ควรปรับปรุง
* ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจหรือไม่อย่างไร หรือมีข้อคิดเห็นเสนอแนะอะไร
ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการบำรุงรักษาระบบและเป็นข้อมูลในการดำเนินการพัฒนาระบบอื่นๆต่อไปการ
ประเมินนี้อาจทำโดยสัมภาษณ์ผู้ใช้งานโดยตรงหรือ ไม่ควรประเมินในช่วงเวลาที่เพิ่งเริ่มใช้งานในระบบ
ใหม่ เพราะอาจจะยังไม่เห็นข้อผิดพลาดต่างๆ ที่อาจมี
2.2.2. การส่งมอบงาน
นอกจากการประเมินผลการทำงานแล้ว เราควรมีการประมวลผลความพึงพอใจจากเจ้าของระบบ
งานหรือผู้ใช้งานระบบ เพื่อดำเนินการส่งมอบงานพัฒนาระบบอย่างเป้นทางการพัฒนาระบบ เช่น
ผู้บริหาร ผู้ที่สนันสนุนด้านการเงินผู้รับผิดชอบ และทำความเข้าใจตกลงร่วมกันในการรับมอบระบบใหม่
เมื่อมีการรับมอบงานแล้วก็ถือว่าโครงการพัฒนาระบบและทำความตกลงสนันสนุน ใหม่ที่ติดตั้งขึ้นมา
ใช้งาน
2.3 การทบทวนหลังการใช้งานระบบแล้ว
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ในภาคปฏิบัติเรามักพบข้อผิดพลาดของระบบเมื่อมีการใช้งานไประยะหนึ่ง
ดังนั้นนอกจากทบทวนระบบในระยะวางแผนโครงการตามกล่าวไว้ในบทที่3และการทบทวนระบบ ดังนั้น
นอกจากการทบทวนและการพัฒนาระบบตามที่ได้กล่าวไว้ในบทที่ 13 แล้วเราควรมีการวางแผน ขณะ
การวิเคราะห์ระบบและการพัฒนาระบบแผน หากมีมองอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว การทบทวนระบบหลังจากใช้
งานเป้นส่วนน้อยลง แต่เจาะลึกในรายละเอียดมากขึ้น เพราะการทบทวนอาจจะทำให้พบข้อบกพร่อง
ของระบบงานและนำมาซึ่งการปรับปรุงระบบให้สมบูรณ์ขึ้นนั้นเอง
สรุปท้ายบทที่ 15
การนำระบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาติดตั้งถือว่าเป็นการทำงานในระบบ ดังนั้นจะต้องมีการจัดทำเอกสาร
ต่างๆสำหรับการใช้งานระบบด้วย เช่น เอกสารการพัฒนาระบบ เอกสารสำหรับผู้ใช้ระบบ เอกสาร เพื่อให้
ระบบด้วยเพื่อให้ระบบด้วยเพื่อให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ หรือพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆมาพัฒนาปรับปรุงระบบต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น